ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงชีพ
การเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพจากคู่สมรสอีกฝ่าย
ต้องเป็นกรณีที่ฝ่ายถูกเรียกเป็นฝ่ายผิด ทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน ขอเรียนว่า อีกฝ่ายจึงสามารถเรียกร้องได้ โดยขณะที่อยู่ร่วมกันตลอดมานั้น
ฝ่ายเรียกร้องมิได้ประกอบอาชีพ จำเป็นต้องอาศัยอีกฝ่ายอุปการะเลี้ยงดู
ซึ่งการหย่าทำให้ต้องขาดไร้อุปการะจากปกติ จึงทำให้ยากจนลง
อีกฝ่ายจึงต้องรับผิดชอบในส่วนนี้
กรณีคู่สมรสสมัครใจแยกกันอยู่เกิน ๓ ปี
แม้เป็นเหตุฟ้องหย่าตามกฎหมายได้ แต่ไม่สามารถฟ้องเรียกค่าเลี้ยงชีพได้
ส่วนฝ่ายที่เรียกร้องนั้นต้องมีฐานะที่แย่กว่า ทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ฝ่ายที่ถูกเรียกร้องด้วย ตัวอย่าง
คำพิพากษาศาลฏีกา ที่น่าสนใจ
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๔๖๘๕/๒๕๔๐
มาตรา ๑๕๒๖ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดให้ศาลสามารถกำหนดค่าเลี้ยงชีพให้แก่คู่หย่าได้ในกรณีหนึ่งเท่านั้นเมื่อการหย่านั้นเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียวและการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง
มิได้เป็นบทบัญญัติที่บังคับว่าจะเรียกค่าเลี้ยงชีพได้แต่เฉพาะมีคดีฟ้องหย่าเท่านั้น
ทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน ขอเรียนว่า เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีหย่าว่าจำเลยยอมจดทะเบียนหย่าให้โจทก์และยอมชำระค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์อัตราร้อยละ
๓๕ ของเงินเดือนทุกเดือนตลอดไป
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการยืดขยายหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยาออกไปหลังการสมรสสิ้นสุดลง
อันเป็นการช่วยเหลือจุนเจือกันไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
ย่อมใช้บังคับได้
กฎหมายมิได้กำหนดให้ดูความเปลี่ยนแปลงของฐานะของคู่กรณีแต่เฉพาะทรัพย์ที่มีขึ้นภายหลังการหย่า
จึงต้องคำนึงถึงทรัพย์สินทุกชนิดที่คู่ความทั้งสองฝ่ายมีอยู่ขณะที่พิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลง
เมื่อโจทก์ยังมีที่ดินเนื้อที่ ๘๐ ตารางวา พร้อมบ้านสองชั้นมีราคาสูงกว่า ๗๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนจำเลยมีรายได้เฉพาะเงินเดือนเพียงอย่างเดียวจำนวนเดือนละ
๑๕,๓๘๐ บาท มีภริยาและบุตรอายุ ๑๓ ปี
ที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาอีก ๑ คน นอกจากนี้ยังเป็นหนี้สหกรณ์ ๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยไม่มีทรัพย์สินใด ๆ เป็นของตนเอง
หากจำเลยต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์อัตราร้อยละ ๓๕ ของเงินเดือน เป็นเงินเดือนละ
๕,๓๘๓ บาท
จำเลยจะเหลือเงินที่ใช้จ่ายในครอบครัวเดือนละไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท และเหลือเวลารับราชการอีกเพียง ๔ ปี ดังนั้น
เมื่อเปรียบเทียบฐานะของโจทก์กับจำเลยแล้วเห็นได้ว่าพฤติการณ์รายได้หรือฐานะของโจทก์และจำเลยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยปัจจุบันจำเลยกลับอยู่ในสภาพที่มีฐานะทางเศรษฐกิจด้อยกว่าโจทก์จึงถึงเวลาสมควรที่จะสั่งให้จำเลยงดจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์แล้ว
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๑๓๗๑/๒๕๔๕ หย่าเพราะความผิดของสามีฝ่ายเดียว
สามีฐานะการเงินดีกว่าภริยา ให้ต่ายค่าเลี้ยงชีพให้ภริยาเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๒๙๘๕/๒๕๒๕
การที่บิดามารดาจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจกล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์แม้จะมิใช่เหตุที่โจทก์จะยกขึ้นอ้างเพื่อฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากับจำเลยก็ตามแต่การที่จำเลยนำตำรวจไปจับกุมโจทก์ตามข้อกล่าวหาของบิดามารดานั้น
ทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน ขอเรียนว่า การกระทำของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นต่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโจทก์
อันเป็นการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามโจทก์อย่างร้ายแรง
เป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๑๕๑๖(๓) โจทก์เพิ่งจะหางานทำได้หลังจากที่แยกกันอยู่กับจำเลยจึงติดใจขอค่าเลี้ยงชีพจากจำเลย
จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น กรณีถือได้ว่าการหย่าทำให้โจทก์ยากจนลง
เพราะไม่มีรายได้จากการงานตามที่เคยทำอยู่ในระหว่างสมรส
เมื่อเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของจำเลยจำเลยจึงต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๒๖
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๔๘๑๕/๒๕๓๙ โจทก์ออกจากบ้านที่ปลูกสร้างและอยู่กินกับจำเลยเพราะต้องการพาบิดาซึ่งเป็นโรคหัวใจไปให้พ้นจากบิดาจำเลยซึ่งชอบดื่มสุราแล้วส่งเสียงดังโจทก์และจำเลยเคยตกลงจะไปจดทะเบียนหย่าขาดจากกันแต่หย่าไม่ได้เพราะโจทก์ไม่มีเงินชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรแก่จำเลย
พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโจทก์และจำเลย
สมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาและการแยกกันอยู่ดังกล่าวเป็นเวลานับถึงวันฟ้องเกินสามปีแล้ว
ทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน ขอเรียนว่า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา๑๕๑๖(๔/๒)
การที่จำเลยจะ
เรียกค่าเลี้ยงชีพได้จะต้องปรากฏว่าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของโจทก์ฝ่ายเดียวดังนี้เมื่อฟังได้ว่าเหตุแห่งการหย่าเป็นเพราะโจทก์และจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีจำเลยจึงเรียกค่าเลี้ยงชีพจากโจทก์มิได้
คำพิพากษาศาลฏีกาที่ ๔๖๘๕/๒๕๓๐
หย่าโดยความยินยอมและกำหนดค่าเลี้ยงชีพกันเอง
ก็มาขอลดหรือเพิ่มค่าเลี้ยงชีพในภายหลังได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๑๕๒๖ ในคดีหย่าถ้าเหตุแห่งการหย่าเป็นความผิดของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว
และการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยากจนลง
เพราะไม่มีรายได้พอจากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำอยู่ระหว่างสมรส
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิดจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้
ค่าเลี้ยงชีพนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้
โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้ให้และฐานะของผู้รับและให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๕๙๘/๓๙
มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๕๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๕๙๘/๓๘ ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างสามีภริยา
หรือระหว่างบิดามารดากับบุตรนั้นย่อมเรียกจากกันได้ในเมื่อฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดูหรือได้รับการอุปการะเลี้ยงดูไม่เพียงพอแก่อัตภาพ
ค่าอุปการะเลี้ยงดูนี้ศาลอาจให้เพียงใดหรือไม่ให้ก็ได้
โดยคำนึงถึงความสามารถของผู้มีหน้าที่ต้องให้ ฐานะของผู้รับและพฤติการณ์แห่งกรณี
มาตรา ๑๕๙๘/๓๙ เมื่อผู้มีส่วนได้เสียแสดงว่าพฤติการณ์
รายได้ หรือฐานะของคู่กรณีได้เปลี่ยนแปลงไป
ศาลจะสั่งแก้ไขในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยให้เพิกถอน ลด เพิ่ม หรือกลับให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูอีกก็ได้
ในกรณีที่ศาลไม่พิพากษาให้ค่าอุปการะเลี้ยงดู
เพราะเหตุแต่เพียงอีกฝ่ายหนึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ในขณะนั้น
หากพฤติการณ์ รายได้ หรือฐานะของอีกฝ่ายหนึ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป
และพฤติการณ์รายได้หรือฐานะของผู้เรียกร้องอยู่ในสภาพที่ควรได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดู
ผู้เรียกร้องอาจร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งในคดีนั้นใหม่ได้
มาตรา ๑๕๙๘/๔๐ ค่าอุปการะเลี้ยงดูนั้นให้ชำระเป็นเงินโดยวิธีชำระเป็นครั้งคราวตามกำหนด
เว้นแต่คู่กรณีจะตกลงกันให้ชำระเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น ถ้าไม่มีการตกลงกันและมีเหตุพิเศษ
เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอและศาลเห็นสมควร
จะกำหนดให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างอื่นหรือโดยวิธีอื่น
โดยจะให้ชำระเป็นเงินด้วยหรือไม่ก็ได้ ในกรณีขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร
เมื่อมีเหตุพิเศษและศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์แก่บุตร
จะกำหนดให้บุตรได้รับการอุปการะเลี้ยงดูโดยประการใด ๆ นอกจากที่คู่กรณีตกลงกัน
หรือนอกจากที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอก็ได้ เช่นให้ไปอยู่ในสถานการศึกษาหรือวิชาชีพ
โดยให้ผู้ที่มีหน้าที่ต้องชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูออกค่าใช้จ่ายในการนี้
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากทีมทนายทนายลำพูน และทีมทนายความลำพูน
๑ ต้องปรากฏว่าในขณะที่เป็นสามีภริยากัน
ได้มีการช่วยเหลือเลี้ยงดูกัน หากการหย่าทำให้อีกฝ่ายต้องใช้ชีวิตลำบาก
ศาลจึงจะมีคำพิพากษาให้จ่ายได้
๒ การจ่ายค่าเลี้ยงจะเป็นเงินก้อนหรือชำระรายเดือนก็ได้ (ฏ.๑๒๕๔/๒๕๓๘)
๓ คู่สมรสฝ่ายที่จะเรียกร้องค่าเลี้ยงชีพ จะต้องฟ้อง
หรือฟ้องแย้งในคดีฟ้องหย่า
จะมาฟ้องเรียกค่าเลี้ยงชีพในภายหลังจากคดีฟ้องหย่าไม่ได้
เพราะสิทธิเรียกร้องเรียกค่าเลี้ยงชีพเป็นอันสิ้นสุดลงแล้ว
๔ กรณีการหย่าโดยความยินยอม ต้องตกลงกันในเรื่องค่าเลี้ยงชีพให้เรียบร้อยพร้อมกับการทำสัญญาหย่า
หากไม่ตกลงกันไว้ก็จะมาฟ้องในภายหลังไม่ได้
๕ การหย่าขาดจากกันเพราะเหตุวิกลจริตหรือเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรง
โดยฝ่ายผู้วิกลจริตหรือเป็นโรคติดต่อจะต้องฟ้องแย้งให้โจทก์จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้แก่ตนด้วย
จะมาฟ้องในภายหลังไม่ได้
๖ กรณีทำสัญญาตกลงเรื่องค่าเลี้ยงชีพกันเอง หากผิดสัญญาก็ฟ้องร้องได้
๗ การเลิกชำระค่าเลี้ยงชีพ สิทธิในการรับค่าเลี้ยงชีพย่อมสิ้นสุดลง
เมื่อฝ่ายที่รับค่าเลี้ยงชีพสมรสใหม่
หรือศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการจ่ายค่าเลี้ยงชีพ
#ทนายลำพูนอาสาช่วยท่านด้วยใจ
#ทนายลำพูน #ทนายความลำพูน
#ทนายลำพูนเก่ง #ปรึกษาทนายลำพูน #ทนายอาสาลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูนฟรี #ทนายความลำพูนมืออาชีพ #ที่ปรึกษากฎหมายลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูน #รายชื่อทนายความลำพูน #สำนักทนายความลำพูน #ทนายเก่งๆลำพูน #สภาทนายความลำพูน #สำนักงานกฎหมายลำพูน #ทนายที่ดินลำพูน #ทนายอาสาศาลลำพูน #ทนายอาสาศาลากลางลำพูน #กฎหมายลำพูน #สำนักงานทนายความลำพูน #สำนักงานกฎหมายลำพูน
#สำนักงานกฎหมายในจังหวัดลำพูน #ทนายฝึกงานลำพูน
#ฝึกงานทนายลำพูน #LawFirmลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูน #ทนายเก่งลำพูน #ทนายลำพูนpantip #ทนายอาสาลำพูน #ปรึกษาทนายฟรีลำพูน
#ทนายลำพูนเก่ง #ทนายความลำพูนเก่ง #ทนายอาสาลำพูนฟรี #สํานักงานกฎหมาย ลำพูน #ทนายครอบครัวลำพูน #ทนายสองพี่น้อง #ทนายฝาง #ทนายอาสาเก่งๆ
#ทนายสันป่าตอง #ทนายสันทราย #ทนายแม่ริม #ทนายสันกำแพง #ทนายสารภี
#ทนายความลำพูนคดีหย่า
|