ขั้นตอนและวิธีการรับบุตรบุญธรรมของคนต่างชาติ
การจัดเตรียมเอกสาร
ฝ่ายผู้ขอรับเด็ก
ผู้ขอรับเด็กต้องติดต่อผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ
หรือได้รับมอบหมายจากรัฐบาลของประเทศที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนา
หรือองค์การสวัสดิภาพเด็กของประเทศนั้น
ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของประเทศดังกล่าวให้ดำเนินการของเรื่องบุตรบุญธรรม
เพื่อให้ส่งเอกสาร ดังต่อไปนี้
1. รายงานการศึกษาเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่
และครอบครัวของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมทั้งรูปถ่ายสภาพบ้านทั้งภายนอกและภายใน
2. เอกสารรับรองว่าผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
มีคุณสมบัติ และมีความเหมาะสม ที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
3. เอกสารรับรองว่าจะทำการควบคุมการทดลองเลี้ยงดูเด็ก
และส่งรายงานผลการทดลองเลี้ยงดูเด็กพร้อมทั้งรูปถ่ายของเด็กกับบิดามารดาบุญธรรม
ให้อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการทราบทุกระยะเวลา 2 เดือน
เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
(เฉพาะในกรณีรับเด็กกำพร้าในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ / มูลนิธิฯ 4
แห่ง หรือในกรณีที่ยกให้กันเองโดยไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายโลหิต)
4. แบบคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม บธ 5
(Application for Child Adoption)
5. สำเนาหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่
6. สำเนาทะเบียนสมรส
(กรณีมีการสมรสครั้งก่อน ขอให้มีสำเนาทะเบียนหย่าด้วย)(ทะเบียนสมรสมีอายุเกิน 6
เดือน )
7. ใบรับรองแพทย์
ซึ่งแสดงว่ามีร่างกายและจิตใจสมบูรณ์
8. เอกสารรับรองการทำงานและรายได้
9. เอกสารรับรองการเงินย้อนไปไม่เกิน 6
เดือน
10. เอกสารรับรองทรัพย์สิน
11. รูปถ่ายผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
และคู่สมรส บุตรในครอบครัว (ถ้ามี) ขนาด 4.5x6 เซนติเมตร
ซึ่งถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน จำนวนคนละ 4 รูป และรูปถ่ายสภาพบ้านพักอาศัยและภาพภายในบ้านของผู้ขอฯ
12. เอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ของประเทศที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนา
ซึ่งรับรองว่าผู้นั้นสามารถรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมายของประเทศนั้น
(ในกรณีที่ผู้ขอฯพักอาศัยอยู่นอกประเทศที่ผู้ขอฯ มีภูมิลำเนาอยู่)
13. เอกสารจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนา ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ต้องรับรองว่าการนำเด็กที่จะเป็นบุตรธรรมเข้าประเทศสามารถกระทำได้ตามกฎหมายของประเทศนั้น
14. หนังสือแสดงความยินยอมของคู่สมรส
หรือคำสั่งอนุญาตของศาลแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรส (ถ้ามี)
15. สำเนาใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าว
และสำเนาหนังสือสัญญาว่าจ้างงาน (ในกรณีที่ผู้ขอฯ
พักอาศัยและทำงานอยู่นอกประเทศที่ผู้ขอฯ มีภูมิลำเนาอยู่)
16. เอกสารรับรองความประพฤติ
และความเหมาะสมทั่วไปของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่าจากผู้ที่เชื่อถือได้อย่างน้อย
2 คน
17. ประวัติอาชญากร
(จากประเทศกำเนิดและประเทศที่พักปัจจุบัน)
18. หนังสือรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การรับรองว่า
เมื่อขั้นตอนการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเสร็จสิ้นแล้ว ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ผู้ขอรับเด็กจะดำเนินการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมให้เด็ก
ทั้งตามกฎหมายไทยและกฎหมายของประเทศผู้ขอ
เอกสารในข้อที่ 5-14 จะต้องได้รับการรับรองจากสถานเอกอัครราชฑูตไทย
หรือสถานกงสุลไทย ในประเทศที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนา
กรณีที่เอกสารเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า จะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ
หรือภาษาไทย จากสถาบันการแปลภาษาที่ได้รับใบอนุญาต
โดยให้แนบเอกสารฉบับแปลมาคู่กับเอกสารต้นฉบับจริง
กรณีติดต่อผ่านองค์การสวัสดิภาพเอกชน
ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า จะต้องมีสำเนาในอนุญาตขององค์การ
และหนังสือจากหน่วยงานรัฐบาลซึ่งรับรององค์การนั้นๆ ด้วย
กรณีที่ผู้ขอรับเด็กมีถิ่นที่อยู่ในประเทศอื่น
ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทยต้องอาศัยอยู่และมีระยะเวลาสำหรับทดลองเลี้ยงดูในประเทศที่มีถิ่นที่อยู่นั้น
ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
และจะต้องมีเอกสารหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ ของผู้ขอรับเด็กประกอบการพิจารณาด้วย
ฝ่ายที่จะยกเด็กให้
1. บัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาเด็ก
2. ทะเบียนบ้าน
3. ทะเบียนสมรส
4. หนังสือสำคัญการหย่า
และบันทึกข้อตกลงการหย่าระบุผุ้ใช้อำนาจปกครองเด็ก หรือคำสั่งศาล
ระบุว่าฝ่ายใดเป็นผู้มีอำนาจปกครองเด็ก
5. ในกรณีที่บิดามารดาเด็กไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
และไม่สามารถติดตามตัวบิดาเด็กได้ ให้มารดาเด็กมาสอบข้อเท็จจริงพร้อมพยาน 2
คน ที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม หรือที่สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด
ที่มารดาเด็กมีภูมิลำเนา ตามแบบบันทึกสอบปากคำ (ปค.14) รับรองว่า
5.1 บิดามารดาเด็กไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
5.2 บิดาเด็กไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร
และได้เลิกร้างกันไป (ระยะเวลาที่เลิกร้าง)
5.3 ไม่เคยมีคำพิพากษาให้ผู้ใดเป็นบิดาเด็กที่ถูกต้องตามกฎหมาย
5.4 ไม่สามารถติดตามบิดาเด็กมาแสดงความยินยอมมอบเด็กได้
6. หนังสือแสดงความยินยอมของผู้มีอำนาจให้ความยินยอม
(แบบ บธ.6)
7. หนังสือแสดงความยินยอมของบิดาโดยพฤตินัย
( กรณีบิดาเด็กไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับ มารดาเด็ก
หรือมิได้จดทะเบียนรับรองบุตรเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย )
8. รูปถ่าย 4.5 x 6 เซนติเมตร
ของบิดามารดาเด็กคนละ 4 รูป รวมทั้งสมาชิกในครอบครัว
9. เอกสารอื่นๆ
(ถ้ามีหรือจำเป็นต้องขอเพิ่ม) เช่น ใบมรณบัตร ใบเปลี่ยนชื่อตัว / ชื่อสกุล
ประวัติบิดา มารดาเด็ก เป็นต้น
ฝ่ายเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
1. สูติบัตรเด็ก
2. ทะเบียนบ้านเด็ก
3. รูปถ่ายเด็กขนาด 4.5 x 6 เซนติเมตร 4 รูป
4. หนังสือแสดงความยินยอมของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
5. เอกสารอื่นๆ
(ถ้ามีหรือจำเป็นต้องขอเพิ่ม) เช่น ใบเปลี่ยนชื่อตัว / ชื่อสกุล
ขั้นตอนการดำเนินเรื่อง
1. เมื่อเอกสารหลักฐานต่างๆ
ได้ครบสมบูรณ์แล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ (นักสังคมสงเคราะห์)
จะพิจารณาว่าผู้ขอรับเด็กมีคุณสมบัติตามกฎหมายหรือไม่ ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า หากพบว่าผู้ขอรับเด็กมีคุณสมบัติเหมาะสม
มีฐานะความเป็นอยู่ดี มีอุปนิสัยและความประพฤติดี อาชีพรายได้มั่นคง
ฐานะของครอบครัวดีตลอดจนสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจสมบูรณ์
เหมาะสมที่จะรับเด็กไปอุปการะเลี้ยงดูได้
พนักงานเจ้าหน้าที่จะประมวลรายรายละเอียดต่างๆ
เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อนำเข้าไว้ในบัญชีรอการพิจารณาเด็กซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาเด็ก
และพิจารณาครอบครัวที่เหมาะสมให้กับเด็กตามบัญชีก่อนหลัง
2. พนักงานเจ้าหน้าที่จะเสนอให้คณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
พิจารณาเห็นชอบให้ผู้ขอฯ รับเด็กไปทดลองเลี้ยงดู
3. กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
แจ้งประวัติเด็กพร้อมรูปถ่ายให้ผู้ขอรับเด็กพิจารณาผ่านหน่วยงานหรือองค์กรเอกชนที่ติดต่อเรื่องนี้มา
พร้อมกับขออนุมัติวีซ่าเด็กไปยังประเทศที่เป็นภาคี Hague Convention ก่อน
4. เมื่อผู้ขอฯ
แจ้งตอบรับเด็กให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการทราบแล้ว
เจ้าหน้าที่จะเสนอเรื่องต่ออธิบดีเพื่ออนุมัติให้ทดลองเลี้ยงดูเด็ก
และขออนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์
เพื่อนำเด็กออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ส่วนประเทศที่เป็นภาคี
Hague Convention นั้น สำนักงานกลางของประเทศนั้นๆ จะต้องตอบรับวีซ่าเข้าประเทศของเด็ก
ก่อนที่จะเดินทางมาพบกรรมการฯ ที่ประเทศไทย
5. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อนุญาต
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
จะนัดหมายให้ผู้ขอรับเด็กทั้งสองเดินทางมารับการสัมภาษณ์
จากคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมและรับเด็กไปทดลองเลี้ยงดูเป็นเวลาอย่างน้อย 6
เดือน โดยหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในต่างประเทศ
จะทำการทดลองเลี้ยงดูมาให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 2 เดือนต่อครั้ง
เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
หรือผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมและคู่สมรสแล้วแต่กรณี
ต้องมารับเด็กไปทดลองเลี้ยงดูด้วยตนเองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี
ตามที่คณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเสนอในกรณีดังต่อไปนี้
- เด็กนั้นเดินทางไปยังประเทศที่ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมีภูมิลำเนา
หรือถิ่นที่อยู่ โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
เคยได้รับอนุมัติให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมมาก่อนแล้ว
และการขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมครั้งหลังนี้ ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า ผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
มีเหตุจำเป็นอันไม่สมควร ที่ไม่สามารถมารับเด็กไปทดลองเลี้ยงดูได้
โดยทำเป็นหนังสือต่ออธิบดีพร้อมทั้งแสดงความจำนงว่าจะออกค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่และเด็ก
เพื่อจะนำเด็กนั้นไปยังประเทศที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาหรือมีถิ่นที่อยู่
6. เมื่อทดลองเลี้ยงดูมาครบ 6 เดือน และมีรายงานผลการทดลองมาครบ 3 ครั้ง
ซึ่งหากปรากฎว่าผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ เด็กอยู่อาศัยกับครอบครัวอย่างมีความสุข
พนักงานเจ้าหน้าที่จะสรุปรายงานเสนอคณะกรรมการฯ
เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ผู้ขอรับเด็กไปดำเนินการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายได้
7. ผู้ขอรับเด็กจะต้องไปดำเนินการขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลไทย ที่ผู้ขอรับเด็กมีภูมิลำเนาอยู่
โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จะมีหนังสือขอความร่วมมือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า เพื่อแจ้งสถานเอกอัครราชทูตไทยหรือสถานกงสุลไทยรับทราบ
พร้อมกันนี้ก็แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้กับผู้ขอรับเด็กได้ทราบเรื่องด้วยพร้อมกัน
กรณีที่ผู้ขอรับเด็กอยู่ประเทศไทย
การจดทะเบียนสามารถดำเนินการได้ที่ สำนักงานเขต ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ
ซึ่งเป็นการร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้
เช่นเดียวกับการขอบุตรบุญธรรมไทย
8. กระทรวงการต่างประเทศ
จะส่งสำเนาภาพถ่ายเอกสารทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม (คร.14) จำนวน
1 ชุด มาให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ทนายลำพูนและทีมทนายความลำพูน
ขอเรียนว่า เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าการดำเนินการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ขอรับเด็ก
(แต่ละราย) ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ทุกประการ
และสำหรับผู้ขอรับเด็กที่อยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะขอสำเนาภาพถ่ายเอกสารทะเบียนการรับบุตรบุญธรรม
(คร.14) จำนวน
1 ชุด จากผู้ขอรับเด็ก (แต่ละราย) ได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
ตามกฎหมายแล้ว
#ทนายลำพูนอาสาช่วยท่านด้วยใจ
#ทนายลำพูน #ทนายความลำพูน #ทนายลำพูนเก่ง #ปรึกษาทนายลำพูน #ทนายอาสาลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูนฟรี #ทนายความลำพูนมืออาชีพ #ที่ปรึกษากฎหมายลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูน #รายชื่อทนายความลำพูน #สำนักทนายความลำพูน #ทนายเก่งๆลำพูน #สภาทนายความลำพูน #สำนักงานกฎหมายลำพูน #ทนายที่ดินลำพูน #ทนายอาสาศาลลำพูน #ทนายอาสาศาลากลางลำพูน #กฎหมายลำพูน #สำนักงานทนายความลำพูน #สำนักงานกฎหมายลำพูน #สำนักงานกฎหมายในจังหวัดลำพูน
#ทนายฝึกงานลำพูน #ฝึกงานทนายลำพูน #LawFirmลำพูน #ปรึกษาทนายลำพูน #ทนายเก่งลำพูน #ทนายลำพูนpantip #ทนายอาสาลำพูน
#ปรึกษาทนายฟรีลำพูน #ทนายลำพูนเก่ง
#ทนายความลำพูนเก่ง #ทนายอาสาลำพูนฟรี
#สํานักงานกฎหมาย ลำพูน
#ทนายครอบครัวลำพูน